เรื่องของ ด๊อกเตอร์ หนุ่ม
จากเด็กบ้านนอกยากจน ชีวิตพลิกผันได้ไปเรียนจนจบด๊อกเตอร์ถึงเมืองนอก
แต่สุดท้ายชีวิตกลับพลิกตลบอย่างไม่น่าเชื่อ
เด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขาเกิดมาในครอบครัวชาวไร่ชาวสวนที่ฐานะค่อนข้างยากจน แต่โชคดีที่เขาเป็นคนมีสติปัญญาดีและเรียนเก่งตั้งแต่เด็กๆ
เขาเป็นนักเรียนทุนเรียนดีของโรงเรียนมาโดยตลอด พ่อกับแม่จึงสนับสนุนการเรียนของเขา ยอมทุ่มเททำงานหนักเพราะอยากให้ลูกชายคนนี้ได้เรียนสูงๆ เขาจึงไม่ต้องลาออกจากโรงเรียนมาช่วยพ่อแม่ทำสวนเหมือนกับพี่ๆของเขา เขาเป็นคนที่มีความมุมานะ และมีความทะเยอทะยาน
เขามีความฝันถึงอนาคตที่จะทำให้สำเร็จ
ในที่สุดเขาได้ใช้ความสามารถสอบชิงทุนได้ไปเรียนถึงต่างประเทศ
จนกระทั่งจบระดับปริญญาเอก
ได้คำนำหน้าชื่อดร. หรือเป็นด๊อกเตอร์ ตามที่เขาฝันไว้
วันที่เขาเรียนจบและเดินทางกลับเมืองไทย คนในครอบครัวของเขาดีใจกันมาก ทุกคนตื่นเต้นยินดียิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่1 พ่อแม่เช่าเหมารถจากบ้านที่ต่างจังหวัดไปรอรับเขาที่สนามบิน ทันทีที่เขาลงมาจากเครื่องบิน และเห็นหน้าพ่อกับแม่ที่ยืนรอรับลูกชายด้วยความคิดถึง เขารีบเดินตรงไปหาพ่อกับแม่และเขาพูดกับท่านว่า “มาทำไมบอกแล้วว่าไม่ต้องมารับ
" แล้วเขาก็ทิ้งพ่อแม่และทุกคนไว้ที่ตรงนั้น เขารีบปลีกตัวกลับออกไปกับแฟนสาวที่มารอรับด้วยเช่นเดียวกัน โดยไม่ได้แนะนำให้เธอรู้จักหรือยกมือไหว้พ่อกับแม่เลย โดยไม่สนใจที่จะถามว่าพวกเขาเดินทางมากันอย่างไรและไม่ไต่ถามสุขทุกข์แม้แต่คำเดียว
ตั้งแต่ดร.หนุ่มคนนี้กลับมาเมืองไทย เขาก็ไม่ค่อยได้ดูแลเอาใจใส่พ่อแม่เท่าที่ควร
และเขาพยายามปกปิดที่จะให้คนภายนอกรู้สถานะภาพครอบครัวของเขาว่ามีพ่อแม่เป็นชาวไร่ชาวสวน แม้แต่แฟนสาวก็ไม่เคยพามาแนะนำให้พ่อแม่ได้รู้จัก เขากลับไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัดบ้างเป็นครั้งคราว
และเขามักพูดจายกตนข่มพี่น้องเสมอว่า เป็น
เพราะตัวเขาที่ได้ไปเรียนจนจบมาจากเมืองนอก จึงทำให้ครอบครัวมีหน้ามีตาขึ้นมา ครอบครัวดีขึ้นมาได้ก็เพราะเขา
เพราะตัวเขาที่ได้ไปเรียนจนจบมาจากเมืองนอก จึงทำให้ครอบครัวมีหน้ามีตาขึ้นมา ครอบครัวดีขึ้นมาได้ก็เพราะเขา
ในช่วงบั้นปลายของชีวิต ดร.คนนี้ ควรจะมีชีวิตรุ่งโรจน์รุ่งเรืองประสบความสำเร็จ แต่เขากลายเป็นคนติดเหล้าอย่างหนัก ชีวิตล้มเหลวใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวไร้ญาติขาดเพื่อน และเสียชีวิตนอนตายคาขวดเหล้าแบบเดียวดายคนเดียว ในห้องพักของตัวเอง
เรื่องของดร.คนนี้ ไม่ใช่นิทานแต่เป็นเรื่องจริงที่อยู่บนโลกใบนี้ เรื่องของเขาผ่านการบอกเล่ามาจากคุณป้าท่านหนึ่งที่รู้จักกับครอบครัวของเขา
เรื่องของดร.คนนี้ ไม่ใช่นิทานแต่เป็นเรื่องจริงที่อยู่บนโลกใบนี้ เรื่องของเขาผ่านการบอกเล่ามาจากคุณป้าท่านหนึ่งที่รู้จักกับครอบครัวของเขา
การศึกษาและความฉลาดทางสติปัญญา ไม่ได้เป็นเครื่องค้ำประกันว่าจะสร้างจิตสำนึกให้คนเรารู้จักและเข้าใจคำว่ากตัญญูได้ โดยเฉพาะระบบ
การศึกษาที่เน้นการแข่งขันกันเป็นที่หนึ่งการเรียนต้องเป็นเลิศ แต่ถ้าหากหลงลืมใส่คุณธรรมลงไปด้วยแล้ว บางทีผลผลิตที่ได้รับอาจไม่คุ้มค่า
เพราะ เราอาจได้แค่คนเก่งที่คุณธรรมล้มเหลว ความกตัญญูรู้คุณ จึงเป็นคุณธรรมสำคัญที่ผู้ใหญ่ต้องทำให้เด็กๆเห็นเป็นตัวอย่าง และต้องปลูกฝังให้กับเด็กๆของเราให้เขาซึมซับ เข้าไปในสามัญสำนึกกันตั้งแต่เล็กๆเลยทีเดียว อย่ารอให้เขาเข้าใจเองรู้ได้เอง หรือไปสอนกันตอนโต ถึงตอนนั้นอาจจะสายไปแล้ว
เ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น