วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

บทความ

บทความเหล่านี้ ครูแอนเขียนลงไว้ในเฟสบุ้ค  จึงได้นำมาลงรวบรวมไว้ค่ะ
                               >>>>>>>>>>>>>>>>>>>

“มนุษย์เงินเดือน” ผู้ต่ำต้อยในสายตาของนักลงทุน

คำว่า “มนุษย์เงินเดือน” ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นคนบัญญัติศัพท์นี้ขึ้นมาเป็นคนแรก แต่ก็ได้ยินคำนี้บ่อยมาก เป็นที่รู้กันของคนทั่วไปว่า ความหมายของมันคือ คนที่ทำงานเป็นลูกจ้างและรับเงินค่าจ้างเป็นรายเดือน ในระยะหลังเราคงมักได้ยินคำนี้ใช้กันมากขึ้น โดยเฉพาะในหนังสือจำพวกการเงินการลงทุน หรือคอร์สสัมนาต่างๆที่เกี่ยวกับการเงินการสร้างรายได้ และการพัฒนาตนเอง ที่มักจะให้คำแนะนำและบอกวิธีให้คนลาออกจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน

ที่ฉันพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะได้เห็นข้อความหนึ่งในเฟสบุ๊ค จากเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เด็กหนุ่มคนนี้มีรายได้จากการเป็นนักลงทุน ดูจากรูปภาพของเขาแล้วอายุไม่น่าจะเกิน27ปี เขาได้เขียนข้อความเชิงบ่นถึงคนที่เป็น “มนุษย์เงินเดือน” ประมาณว่า ทนทำงานอยู่ได้ รายได้ก็น้อย เหนื่อยก็เหนื่อย แถมต้องต้องตอกบัตรเข้างาน และมีคำพูดอีกหลายประโยคที่กล่าวดูถูกดูแคลน ว่าคนที่ทำงานกินเงินเดือนด้อยกว่าตัวเขา ซ้ำร้ายกว่านั้น มีเพื่อนๆของเขาเข้าไปกด like และเห็นดีเห็นงามกับความคิดเห็นของเขาด้วย

หากคุณค่าของคน วัดกันที่รายได้ที่เป็นจำนวนเงิน เจ้าหนุ่มก็คงภูมิใจที่ตัวเองมีรายได้มากกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ฉันอยากให้เจ้าหนุ่มลองเอาเงินที่มีอยู่ทั้งหมด ไปเปรียบเทียบกับเศรษฐีระดับโลกดู เป็นไงล่ะ เจ้าเห็นไหมว่าคุณค่าของเจ้าแทบไม่มีเลยเมื่อต้องไปเทียบกับเศรษฐีเหล่านั้น แล้วทีนี้มาลองเปรียบเทียบอีกตัวอย่าง ทหารที่อยู่ชายแดน ที่กินเงินเดือเพียงน้อยนิด แต่พวกเขาทำหน้าที่เสี่ยงชีวิตปกป้องพวกเราให้นอนหลับสบายอยู่ที่บ้าน คุณค่าความเสียสละของพวกเขาเงินเทียบได้ไหม ลองดูอีกสักตัวอย่างนะ พนักงานบริษัทหญิงคนหนึ่ง ทุกครั้งที่เงินเดือนออก เธอจะนำเงินแบ่งเพื่อใช้เลี้ยงดูพ่อแม่ อีกส่วนใช้เลี้ยงดูลูกที่ยังเล็กอยู่ โดยสามีเสียชีวิตไปแล้ว เจ้าหนุ่ม เจ้าคิดว่าผู้หญิงคนนี้ที่ต้องรับผิดชอบชีวิตหลายชีวิต อยู่ดีๆเธอจะกล้าเสี่ยงกระโดดออกมาเป็นนักลงทุนอย่างเจ้าไหม เงินเดือนที่เธอได้อาจจะไม่มากเท่านักลงทุนอย่างเจ้า แต่ก็ใช้เลี้ยงดูคนทั้งครอบครัวได้ และสิ่งที่ฉันเห็นคือ เธอมีความกตัญญู มีความรับผิดชอบ

หากให้ทุกคนลาออกจากงานไปเป็นนักลงทุนอย่างเจ้าหมด ประเทศนี้คงโกลาหลน่าดู เจ้าลองคิดง่ายๆนะ คิดแบบคนไม่ต้องฉลาดมาก สมมุติว่าบัตรเอทีเอ็ม ของเจ้าถูกเครื่องดูดไป เจ้าจะพูดกับตู้ กดเงิน ไหมว่า ขอคืนบัตรให้ข้าเถอะข้าไหว้ล่ะ หรือเจ้าจะไปยกมือไหว้เจ้าหน้าที่ธนาคาร ที่เป็นมนุษย์เงินเดือนให้ช่วยคืนบัตรให้

ความหลากหลายของอาชีพ ทำให้คนในสังคมพึ่งพาความสะดวกสบายจากบริการซึ่งกันและกัน คุณนายที่บ้านต้องพี่พา “คุณแจ๋ว” ให้ทำงานบ้านให้ เราต้องพึ่งพายามหน้าหมู่บ้านให้ช่วยดูแลความปลอดภัย เราต้องพึ่งพาบริการจากพนักงานโรงแรมที่เราไปพัก และยังมีอีกหลายๆสิ่ง ที่เราต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน ทั้งจากคนที่เป็น มนุษย์เงินเดือน และที่ไม่ใช่มนุษย์เงินเดือน เจ้าหนุ่มเจ้าควรจะหัด
ขอบคุณ “มนุษย์เงินเดือน” ที่เจ้าเคยใช้บริการจากพวกเขาด้วยนะ

เป็นเรื่องดีที่คนวัยหนุ่มสาว จะสามารถหาเงินได้เยอะๆ และสร้างเนื้อสร้างตัวได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เงินไม่ใช่มาตรฐานที่จะวัดคนว่าใครต่ำหรือสูงกว่าเรา  หากเมื่อใดคนนั้นเอาเงินมาเป็นมาตาระฐานวัดคุณค่าของคน คงไม่ต่างอะไรกับที่เขาเอาจำนวนเงินของตัวเองไปเทียบกับเศรษฐีระดับโลกนั่นเอง


.............................................................................................
                      




  

                 
                  



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น